5 สัญญาณจากเพื่อนที่แสดงออกว่า…พวกเขาไม่อย า กคบกับคุณ
ในที่ทำงาน คนทำงานส่วนใหญ่มักจะต้องทำงานเป็นทีม ซึ่งทีมงาน
ที่ต้องมาจับกลุ่มทำงานด้วยกันนั้นก็มีหลากหลาย
นานาจิตตังต่างจิตต่างใจต่างความคิดเห็นแต่เมื่อต้องทำงานร่วม
กันก็ต้องปรับตัวและช่วยกันทำงานถึงกระนั้น แทบจะทุกทีมก็ย่อมมีเพื่อน
ร่วมทีมที่ไม่น่ารักแทรกตัวอยู่ทั่วไปเป็นธรรมดาแรกเริ่มเดิมที ในช่วง
เวลาที่คนในทีมยังไม่รู้จักกันดีเท่าที่ควรต่างคนต่างก็มองว่าอีกคน
น่ารักไปหมด ความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ค่อยพูดค่อยจา ให้อภัยกันได้
แต่พอนานไป ลายเริ่มออกชัดเจนว่าการทำงานเป็นอย่างไร (รวมถึงนิสัย
ส่วนตัวด้วย) ก็พาลให้เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ เอือมระอาที่จะร่วมงานด้วย
และบางทีเราอาจจะไม่รู้ว่าตัวว่าเรานี่แหละที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ไม่น่ารัก
เสียเองและเมื่อต้องตกอยู่ในสถานะที่เพื่อนร่วมงานไม่คบค้าสมาคมด้วย
ก็อาจทำให้การทำงานของเราย า กลำบากขึ้นฉะนั้นแล้ว
เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากำลังจะกลายเป็นคนที่ไม่มีใครในที่ทำงานคบลองมา
เช็ กลิ สต์สัญญาณเตือนเหล่านี้กันดูหน่อยดีกว่าว่าคุณเป็นบุคคลที่เพื่อน
ร่วมงานไม่อย า กจะคบหาหรือเสวนาด้วยหรือเปล่า!
ถ้าเข้าข่ายตามนี้ก็ต้องพิจารณาตัวเองแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
1) ไม่มีใครอย า กจะร่วมทีมด้วย
เวลาที่มีงานชิ้นใหม่ให้ต้องรับผิดชอบ มักจะมีการประชุมทีมก่อนเสมอ
ถ้าคุณเริ่มจับอาการของเพื่อนร่วมทีมได้ว่าเขาไม่ได้เต็มใจจะบอก
เรื่องการประชุมให้คุณรู้เท่าไรที่บอกเหมือนเป็นหน้าที่ ทั้งยังพย า ย าม
ตีตัวออกห่างจากคุณให้มากที่สุดเท่าที่ใด ๆ ก็ตามจะอำนวย
หรือต่อให้มีคุณอยู่ในทีม คุณก็สัมผัสได้ว่าคุณไร้ตัวตน เช่น
พวกเขาพร้อมที่จะทักทายคนอื่น ๆ ในทีมยกเว้นคุณ
ภาษากายของแต่ละคนก็แสดงออกค่อนข้างชัดเจนว่าไม่ได้อย า ก
ให้มีคุณอยู่ในทีมหรือไม่อย า กมอบหมายงานให้ทำ ก็พอจะสื่อได้ว่า
คุณอาจเป็น “ตัวปัญหา” ที่ไม่มีใครอย า กร่วมงานด้วยนั่นเอง
2) ไม่มีใครขอความเห็นประกอบการตัดสินใจ
หากมีงานสำคัญที่ต้องพึ่งข้อมูล ความคิดเห็น หรือการตัดสินใจ
ร่วมกันของคนในทีม แต่กลับไม่มีใครสนใจที่จะถามความเห็น
จากคุณหรือไม่ได้ต้องการให้คุณมีส่วนร่วมในการตัดสินใจนั้น ๆ
การประชุมทีมก็ไม่ได้มีชื่อคุณอยู่ในนัดหมาย
จนทำให้คุณรู้สึกน้อยอกน้อยใจว่าไม่เห็นได้มีส่วนร่วมในทีมเลย
ขอให้รู้ไว้ว่าพวกเขามองว่าคุณไม่ได้มีประโยชน์ต่อทีมสักเท่าไร
มีก็เหมือนไม่มี (ฉะนั้นไม่มีน่าจะดีกว่า)
พวกเขารู้ว่าไม่สามารถหยิบจับประโยชน์อะไรจากคุณมาใช้ได้เลย
นั่นก็แสดงว่าคุณเริ่มที่จะถูกเพื่อนร่วมงานปฏิเสธเข้าแล้ว!
3) ไม่มีใครโต้แย้งหรือวิจารณ์ความคิดเห็น
การทำงานเป็นทีม ไม่มีทางที่ความเห็นของคนทุกคนจะตรงกัน
หมดเสมอไป และเมื่อมีความเห็นไม่ตรงกัน
ก็มีการโต้แย้งกันด้วยเหตุผลเพื่อหาข้อสรุป ซึ่งถ้าไม่มีใครพูดหรือ
โต้แย้งแสดงความคิดเห็นของคุณอย่าเพิ่งเข้าใจว่าความคิดของ
คุณเพอร์เฟคจนพวกเขาเห็นดีเห็นงามหรือมองว่าถูกต้องเสมอไป
เพราะจริง ๆ แล้วพวกเขาอาจจะกำลังรู้สึกว่าความคิดเห็นของ
คุณมันตื้นเขินเกินกว่าจะนำมาเป็นประเด็นในการถกเถียงกันในที่ประชุม
แล้วก็เลยมองว่าการโต้เถียงกับคุณเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์จนไม่
อย า กจะเสียเวลาด้วยมากกว่า
4) ไม่มีใครมาขอความช่วยเหลือและให้ความช่วยเหลือ
สังคมการทำงาน เป็นสังคมที่ทุกคนอยู่กันแบบพึ่งพาอาศัยและ
ได้ประโยชน์ร่วมกันเราช่วยเขา เขาช่วยเราเป็นวงจรแบบนี้
แต่ถ้าเมื่อใดที่คุณไปขอความช่วยเหลือจากใครแล้วเขาอิดออด
ดูเกร็ง ๆ เอือม ๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ใส่ใจกับปัญหาของคุณเหมือน
ที่เคยหรือช่วงหลัง ๆ มาไม่มีใครมาขอความช่วยเหลือจากคุณเลย
อย่าคิดว่าก็ดีสิจะได้ไม่ต้องเหนื่อยลองดูให้ดี ๆ
ว่าคนอื่นเขาก็ยังช่วยเหลือกันและกันตามปกติ แบบนี้ต้องพิจารณา
ตัวเองได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นหรือที่เขาไม่เข้ามาสุงสิงด้วยก็เพราะ
ว่าคุณดูไร้ประโยชน์ เป็นตัวปัญหาหรือเปล่า
5) ไม่มีใครสนใจที่จะสร้างความสัมพันธ์
ปกติแล้วคนทำงานออฟฟิศเดียวกัน ทีมเดียวกัน ทำงานด้วยกัน
ทุกวันก็ย่อมต้องสนิทกันประมาณหนึ่งแต่ถ้าคุณมาคิด ๆ ดูแล้วคุณ
ไม่สนิทกับใครเลย เวลาพูดด้วยเขาก็จะตอบสั้น ๆ ห้วน ๆ แบบ
ไม่ค่อยอย า กคุยด้วยไม่ถามไถ่ทักทายเป็นการส่วนตัว คุยเรื่องงาน
ก็ส่งเป็นข้อความมากกว่าจะเข้ามาคุย ไม่มีใครชวนไปไหน
แบบว่าแต่ละคนค่อย ๆ ถอยห่าง ในขณะที่กับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ
ก็ดูว่ายังรักใคร่สามัคคีกันดี ก็ควรต้องรู้ตัวเองแล้วไหมว่ากำลังถูกเมิน
สัญญาณนี้คือแทบไม่มีใครอย า กจะหยิบยื่นมิตรภาพให้คุณแล้ว
เพราะแค่เรื่องงานก็กล้ำกลืนพอทน