8 สิ่งให้รีบทำ หากมีความเสี่ยง “ต้องตกงาน” ช่วง
วัยกลางคน
ด้วยสภาพเศรษฐกิจแบบนี้หลายคนคงจะหวั่นกับความเสี่ยง
ที่จะตกงาน
หรือถูกเลิกจ้างเป็นอย่างมาก หรือแม้แต่บางคนที่ตัดสินใจ
ลาออกจากเองเพราะรู้สึกไม่มีความสุขกับการทำงาน
แต่ก็ต้องมานั่งกลุ้มใจทีหลังกับค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สิน
ที่แบกไว้วันนี้เราจะมาบอกสิ่งที่ต้องทำ หลังจากออก
จากงาน หรือถูกเลิกจ้าง ว่าควรทำทำอย่างไรต่อไป
1) ตรวจสอบสภาพการเงินของคุณ เมื่ออยู่ในสถานะว่างงาน
การตรวจสอบสภาพการเงินของคุณ ในปัจจุบันจึงเป็นสิ่งสำคัญ
คุณต้องคำนวณถึงรายจ่ายและภาระหนี้สินที่ต้องจ่ายทุกเดือน
และมองหารายได้ที่ยังเหลืออยู่ว่าเพียงพอหรือไม่อย่างไร
เพื่อที่คุณจะได้เตรียมตัวและรับมือกับสถานการณ์การเงิน
ของคุณได้ถูกต้อง
รายจ่ายไหนที่ไม่จำเป็นก็ให้เอาออกไป เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย
ให้สมดุลกับการเงินปัจจุบัน
2) ติดต่อประกันสังคม หากคุณว่างงาน สิ่งแรกที่จะต้องทำ
คือการจัดการเรื่องประกันสังคม ให้เรียบร้อย
ไม่ว่าจะว่างงาน จากการลาออกเองหรือถูกไล่ออก
ต้องรีบไปติดต่อสำนักงานประกันสังคมเพื่อ รักษาสิทธิและ
ประโยชน์ที่เราพึงจะได้รับ
3) เคลียร์เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับเรื่องเงินกองทุน
สำรองเลี้ยงชีพหากคุณเป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
คุณก็จะได้ประโยชน์จากเงินสะสม
โดยสามารถรับเป็นเงินก้อนได้เวลาออกจากงานก็จะมีเงิน
ก้อนไว้สำรองเลี้ยงชีพ
แต่หากคุณยังไม่ได้จำเป็นที่จะใช้เงินก้อนนี้
ก็อาจจะคงเงินไว้ในระบบก่อนเพื่อรอโอนย้ าย
ไปยังกองทุนของบริษัทใหม่ในอนาคต
แต่หากคุณออกจากกองทุนโดยที่ยังไม่เกษียณอายุคุณอาจ
จะเสียผลประโยชน์จากเงินสมทบที่จะได้รับไม่เต็มจำนวน
ดังนั้นควรศึกษาเงื่อนไขต่างๆ อย่างละเอียด
เพื่อไม่ให้เสียเปรียบผลประโยชน์ที่คุณควรจะได้รับ
4) เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงิน หลังจากตรวจสอบ
การเงินของคุณเรียบร้อยแล้ว คุณจะทราบถึง ทิศทางการเงินของคุณ
ระหว่างรายได้กับรายจ่าย แน่นอนว่ารายได้ของคุณลดลงดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินอย่างเร่งด่วน
ต้องลดรายจ่ายที่ฟุ่มเฟือยออกไปให้หมด
และจ่ายให้น้อยลงสำหรับ สิ่งที่จำเป็นในส่วนของค่าใช้จ่าย
หรือภาระหนี้สินที่คุณต้องจ่ายนั้น
ให้เลือกลดเป็นอันดับสุดท้ายเพราะมันจะมีผลกระทบต่อ
เครดิตและความน่าเชื่อถือของคุณเป็นการเรียงลำดับความ
สำคัญในการเลือกที่จะใช้จ่ายนั่นเอง
5) มองหางานใหม่ หลายคนเมื่อว่างงาน
ก็มักจะรีบเร่งหางานใหม่ทันที โดยที่ไม่ได้มองถึง
ความชอบของงานจริงๆกลายเป็นว่าทำได้ไม่นาน
ก็ต้องลาออกมาหางานใหม่อีกเหมือนเดิมแน่นอน
ว่าการหางานที่ชอบทำแล้วมีความสุข
กับเพื่อนร่วมงานและสภาพแวดล้อมที่ทำงานดีๆ
รวมถึงผลตอบแทนที่น่าพอใจนั้นหาย ากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร
การจะทำงานและอยู่กับมันให้ได้นานๆก็ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยหลัก คือ
เนื้อหาของงาน รายได้ และผู้ร่วมงาน
หากใครมีความพอใจต่อสิ่งเหล่านี้ได้ 2 ใน 3 อย่าง
ก็จะสามารถทำงานนั้นได้อย่าง ย าวนาน และไม่ต้องเปลี่ยนงานบ่อยๆ
ดังนั้นเราควรที่จะมองหาสิ่งที่ตรงกับความต้องการ
ของตัวเองและสามารถอยู่กับมันได้นานๆ
โดยที่ไม่ต้องกลับมาตกอยู่ในสถานะว่างงานอีก
6) เก็บรักษาเงินก้อน หากว่างงาน และได้เงินก้อน
อย่าเพิ่งรีบร้อนใช้เงินเงินก้อนนี้ หรือแม้แต่ จะนำไปปลดหนี้
เพื่อหวังลดภาระหนี้สินวิธีที่ดีที่สุดที่จะจัดการกับเงิน
ก้อนนี้อย่างชาญฉลาด คือการนำเงินก้อนนี้มาแบ่งสรรปันส่วน
จัดสรรเงินเพื่อให้เพียงพอต่อการดำรงชีพและการจ่ายคืนหนี้
ได้ตามกำหนดไว้ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
ค่าบ้าน ค่างวดรถ ค่าบัตรเครดิต และอื่นๆ
คุณควรที่จะกันเงินสำรองนี้รวมถึงเงินส่วนอื่นๆ
ที่จะทำให้คุณสามารถใช้
ชีวิตได้ตามปกติไปอีก 6 เดือนเป็นอย่างน้อย
เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะสามารถอยู่ได้อย่างปกติ
จนกว่าจะหางานใหม่ทำได้
7) ทำงานฟรีแลนซ์ หลายคนมีความฝันที่อยากจะทำงานอิสระ
ไม่ต้องไปเป็นลูกน้องรับคำสั่งจากใคร
หรือคอยรองรับอารมณ์ใคร แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเป็นได้
อย่างที่หวังด้วยเหตุผลเรื่องความมั่นคง
และความแน่นอนของรายได้ จึงทำให้หลายคนไม่กล้าที่
จะออกมาใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ
ดังนั้นเวลาว่างงาน จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะทำให้เราได้ลองทำ
ในสิ่งที่อย ากจะทำและยังเป็นการหารายได้ให้ตัวเองโดยอาจจะ
เริ่มจากรับงานฟรีแลนซ์เล็กๆที่สามารถทำคนเดียวได้
และเมื่อพบลู่ทางจะได้สามารถนำมาเป็นอาชีพหลักที่สร้าง
รายได้หลักให้กับเราโดยที่ไม่ต้องกลับไป
เป็นพนังงานเงินเดือนอีกต่อไป
8) พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าเรากำลังตกอยู่ใน
สถานะคนว่างงาน ก็ใช่ว่าเราจะต้องปล่อยเวลาทิ้งไป
ให้เปล่าประโยชนหรือตระเวนหาแต่งานใหม่จนลืม
ไปว่าสิ่งสำคัญอีกอย่างในการที่จะเริ่มต้นการทำงานใหม่ คือ
ศักยภาพที่สูงขึ้นของเราเองเราควรมีการพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
โดยเฉพาะเรื่องของภาษาต่างประเทศหรือ
ทักษะการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงาน
ในทุกสายงานปัจจุบันไปแล้วนอกจากนี้
การพัฒนาศักยภาพตัวเองในด้านวิชาชีพตามความต้องการ
ในสายงานที่จะทำก็จำเป็นและมีผลต่อการพิจารณารับเรา
เข้าทำงานเป็นอย่างมาก
…เราจึงไม่ควรปล่อยช่วงเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
ใช้เวลาที่ว่างงานนี้แหละ มองหาโอกาสพัฒนาตัวเอง
เพื่อเตรียมพร้อมกับการทำงานในอนาคต